ระบบการผลิตน้ำ น้ำกิน น้ำดื่ม น้ำใช้ ที่ในประเทศไทยทั่วไปนั้น มี 3 แบบ

1.แบบที่หนึ่ง เป็นขั้นตอนการผลิตน้ำดื่มแบบยอดนิยม เริ่มตั้งแต่การสูบน้ำดิบ (น้ำประปา/น้ำบาดาล/น้ำบ่อ) กรองด้วยคาร์บอนหรือถ่านนั่นเอง เพื่อกรองสี กรองกลิ่น ต่อด้วยใช้เรซิน กรองแคลเซียม กับแมกนีเซียมออกไป จากนั้นกรองหยาบด้วยฟิลเตอร์ขดเชือก เพื่อกรองเศษผงตะกอนขนาด 10 ไมครอนขึ้นไป เสร็จแล้วกรองละเอียดด้วยเซรามิก กรองจุลินทรีย์ตัวจิ๋วขนาด 0.3-1 ไมครอน อย่างสาหร่าย ตะไคร่น้ำ แล้วตามด้วยการฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงยูวี (อัลตราไวโอเลต) หรือระบบโอโซน นี่เป็นขั้นตอนการกรองน้ำดื่มที่ได้มาตรฐานทั่วไป สะอาด เหมาะแก่การบริโภค
2.แบบที่สอง เป็นการกรองที่เรียกว่า Reverse Osmosis หรือ RO. (น้ำดื่มหยอดเหรียญนิยมใช้การกรองแบบนี้)จะให้ความสะอาดมากกว่า เป็นการกรองโดยใช้แรงดันสูงฉีดน้ำให้ผ่านเยื่อบางๆ ที่เรียกว่า “Membrane” เยื่อนี้สามารถกรองน้ำสะอาดได้มากกว่า เพราะกรองได้เล็กละเอียดถึงขนาดกรองโมเลกุล กรองละเอียดถึง 0.0001 ไมครอน (หากนึกไม่ออกให้มองที่เส้นผมตัวเอง โดยเส้นผมคนเรามีขนาดความกว้างประมาณ 100 ไมโครเมตร หรือ ไมครอน อ้างอิงจาก: Wikipedia) กรองอะตอมของน้ำได้เลย เชื้อโรคจุลินทรีย์ไม่ต้องพูดถึง ไม่มีทางหลุดผ่านเยื่อกรองนี้ได้ ถึงระบบ RO จะกรองได้สะอาดมาก แต่น้ำที่ได้จากการกรองระบบนี้ก็มีข้อด้อย คือ รสชาติของน้ำไม่อร่อย ไม่เหมือนการกรองแบบธรรมดา
3.ส่วนการกรองอีกระบบ ที่กรองได้ดีกว่าระบบ RO นั่นก็คือ การกรองแบบที่เรียกว่า Deionized water ระบบนี้ไม่เพียงกรองสิ่งสกปรก แร่ธาตุสารอาหารที่อยู่ในน้ำเท่านั้น ประจุไฟฟ้าที่อยู่ในน้ำยังถูกกรองออกไปด้วย ในน้ำจะมีแต่น้ำอย่างเดียว ไม่มีอะไรเจือปนเลย น้ำสะอาดบริสุทธิ์ที่ได้จากการกรองแบบนี้ ทำขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ผสมยา ใช้ในห้องทดลอง รวมทั้งใช้เติมแบตเตอรี่รถยนต์ ที่เราหลงผิดเรียกกันว่าน้ำกลั่น จริง ๆ แล้วไม่ได้กลั่น แต่ใช้วิธีกรองแบบ Deionized water นี่ต่างหาก น้ำสะอาดบริสุทธิ์ตัวนี้แหละ ที่ไม่ควรดื่ม ส่วนน้ำอย่างอื่น ๆ กรองแบบทั่วไป กรองแบบ RO ก็ดื่มได้