
เครื่องกรองน้ำ
เนื่องจากน้ำที่ใช้ดื่มมีสิ่งเจือปนอยู่มาก มีสิ่งแปลกปลอมปนเปื้อนมากกว่า 2,100 ชนิด และหลายชนิดมีอันตรายต่อสุขภาพของผู้ดื่ม นักวิจัยพบว่า แม้ขั้วโลกเหนือก็ยังพบสารตกค้างของยาฆ่าแมลงประเภทดีดีที ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลงที่ประเทศพัฒนาเลิกใช้นานแล้ว สามารถพบได้ในก้อนน้ำแข็ง และหิมะที่ขั้วโลกเหนือ เครื่องกรองน้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อจะกรองสารเจือปนต่างๆออกไป เพราะการที่เพียงเห็นน้ำใสสะอาด ไม่มีกลิ่น และไม่มีสีจะถือว่าน้ำนั้นเหมาะที่จะดื่มไม่ได้
ถ้าคุณไม่ใช้ เครื่องกรองน้ำ เพื่อกรองสิ่งมีพิษออกจากน้ำ คุณก็ต้องใช้ร่างกายของคุณเองทำหน้าที่เป็นเครื่องกรองน้ำ และเอาสิ่งมีพิษต่างๆ ที่อยู่ในน้ำมาไว้ในตัวคุณ ผมไม่ต้องการที่จะให้คุณตื่นกลัว แต่ความจริงก็คือความจริง มีเครื่องกรองน้ำดีๆมากมาย ซึ่งคุณควรเลือกด้วยตัวคุณเองว่าชนิดใด เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด ต่อไปนี้ คือเครื่องกรองน้ำชนิดต่างๆ ที่แพร่หลายอยู่ในท้องตลาด มีดังนี้
- 1. แบบ Reverse Osmosis(หรือ RO) ไม่ใช้สารเคมีหรือไฟฟ้า ที่ผลออกมา 99.9 เปอร์เซ็นต์ ปราศจากสิ่งเจือปน แต่เกลือแร่ถูกกรองออก 99.0 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน เหมาะสำหรับสถานที่ หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องการใช้น้ำที่มีเกลือแร่ หรือน้ำกระด้าง ใช้ดื่มก็ได้ถือว่าเป็นน้ำที่สะอาดมากในระดับการดื่ม
- 2. แบบ Distillation คือแบบกลั่น ทำให้น้ำเดือด เกิดเป็นไอน้ำ จากนั้นทำไอน้ำให้เย็นลง กลับมาเป็นน้ำกลั่น น้ำกลั่นนี้ไม่มีสารตกค้าง และไม่มีเกลือแร่ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ควรดื่มเพราะไร้แร่ธาตุ
- 3. แบบ Carbon Block ใช้ผงถ่านบดอัดเป็นก้อนเป็นตัวกรองน้ำ มีคุณสมบัติคือกรองเชื้อจุลินทรีย์ และสารปนเปื้อนได้ เหมาะที่จะใช้ควบคู่กับแบบ 1 และ แบบ 2 ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า และเกลือแร่มีในน้ำตามปกติ แต่อายุการใช้งานสั้นมาก
- 4. แบบ Granular Activated Carbon (GAC) เหมือนแบบ 3 แต่ผงถ่านโตกว่า
- 5. แบบ Ceramic (เซรามิค) มีรูเล็กๆให้น้ำผ่านมีประสิทธิภาพสูง การใช้เซรามิคกำลังเป็นที่นิยมมาก เพราะสามารถล้างและนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ทำให้ประหยัด เครื่องกรองน้ำที่มีในท้องตลาดปัจจุบันมักจะต้องมี Ceramic อยู่ด้วยเสมอ
- 6. แบบใช้ Ozone (โอโซน) มีอุปกรณ์เพื่อใช้ทำอากาศธรรมดาให้กลายมาเป็นโอโซน (Ozone Generator) โอโซนมีพลังในการทำปฏิกริยากับเชื้อจุลินทรีย์ และสารอินทรีย์ต่างๆในน้ำได้แรงมาก มีประสิทธิภาพ ทำให้น้ำดูใสสะอาด และรสชาติดี เครื่องกรองน้ำแบบใช้โอโซนนี้ต้องใช้ไฟฟ้า และมักใช้ร่วมกับเครื่องกรองน้ำชนิดใช้ถ่าน
- 7. แบบใช้รังสี Ultraviolet (อุลตร้าไวโอเลต) โดยอาศัยตะเกียงไฟฟ้าที่แผ่รังสีอุลตร้าไวโอเลต มีคลื่นความถี่ระหว่าง 200-300 nanometer รังสีนี้จะฆ่าเชื้อโรคได้หมดเว้นเชื้อโรคจะซ่อนตัวอยู่กับผงละออง ทำให้ไม่ถูกกับรังสี มักใช้ร่วมกับเครื่องกรองน้ำชนิดถ่าน
- 8. แบบ KDF (เคดีเอฟ) สามารถกรองคลอรีน เชื้อโรค และโลหะหนัก เป็นที่นิยมใช้มากและประหยัด ทำด้วยทองแดง และสังกะสี ในรูปของโลหะผสม ทำให้เครื่องกรองน้ำชนิดถ่านยืดอายุการใช้งานไปได้ถึง 15 เท่า
- 9. แบบ Activated Tricalcium Phosphate (ATP) มีคุณสมบัติกำจัดฟลูออไรค์ได้แน่นอน รวมทั้งสิ่งเจือปนต่างๆไม่ใช้ไฟฟ้า มักใช้ร่วมกับเครื่องกรองน้ำที่ใช้ถ่าน เริ่มมีการใช้แพร่หลายมากขึ้น
- 10. แบบ Ion Exchange หรือเรียกว่า เรซิน (Resin) ไม่ใช้ไฟฟ้า
- 11. แบบ Iodine Resin ใช้ในการทำระบบน้ำดื่มฉุกเฉิน ทำลายแบคทีเรียและไวรัส ใช้ได้ทนนาน และเหมาะกับประเทศยากจนที่ขาดธาตุไอโอดีน ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคคอพอก โรคเอ๋อ เป็นการกรองน้ำที่ไม่ใช้ไฟฟ้า
สุดท้ายนี้ผมหวังว่าข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมานี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจจะหาเครื่องกรองน้ำติดไว้ที่บ้านสักตัว หรือเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่จะเลือกใช้ชนิดของเครื่องกรองน้ำให้เหมาะกับตนเองและครอบครัว มีข้อสงสัยสอบถามได้ทางโทรศัพท์หน้าเว็ปไซต์ได้เลย ยินดีตอบทุกคำถามครับ